การเล่นไพ่แต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันออกไป และหนึ่งในนั้นที่ได้รับความนิยมในเอเชียอย่างมาก จนบางประเทศถึงกับยกให้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็คือ “ไพ่นกกระจอก” ทำให้หลายคนเริ่มที่จะสนใจไพ่นกกระจอกขึ้นมาบ้างแล้ว สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าเล่นยังไง วันนี้เราจะมาอธิบายทุกซอกทุกมุมกันเลย
มาดูประวัติคร่าวๆ ของเกมชนิดนี้มาจากประเทศจีน โดยประเทศจีนเป็นผู้คิดค้นและนำออกมาเผยแพร่ ซึ่งคนจีนและรัฐบาลก็ได้สนับสนุนให้อนุรักษ์เกมนี้ไว้ เพราะถือเป็นมรดกสืบทอด แต่การเล่นก็ควรอยู่ในกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ คือเล่นได้ไม่เกินเที่ยงคืน ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับขาไพ่อยู่แล้ว
ประเภทของไพ่นกกระจอก ไพ่นกกระจอกเป็นไพ่ที่สลักไว้ด้วยภาษาจีน ทำให้คนไทยอย่างเราๆ ไม่รู้ว่าไพ่ตัวนี้คืออะไร ทำให้ปัจจุบันได้มีการพิมพ์เลขอารบิกใส่ไปในมุมไพ่ด้วย เพื่อความสะดวกสำหรับชาวต่างชาติ ต่อไปมาดูกันว่าไพ่มีกี่ชนิด และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

- ชุดท้ง เป็นไพ่ที่มีเลข 1 – 9 แบบจีนอยู่ มีเลขละ 4 ตัว ทั้งหมดจึงเป็น 36 ตัว
- ชุดเสาะ ลักษณะเหมือนชุดท้ง คือ มีเลข 1 – 9 แต่เป็นรูปกิ่งไม้ แต่ละกิ่งมี 4 ตัว ทั้งหมดจึงเป็น 36 ตัว
- ชุดบ่วง บ่วงแปลว่าหมื่น เหมือนชุดท้งและชุดเสาะ คือมี 9 เลข เลขละ 4 ตัว ทั้งหมดจึงเป็น 36 ตัว
- ชุดทิศ มีทั้งหมด 4 ทิศ คือ ได้แก่ทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ตามปกติ โดยแต่ละทิศจะมีอีก 4 ตัว ทั้งหมดจึงเป็น 16 ตัว
- ชุดมังกร ประกอบไปด้วย มังกรแดง มังกรเขียว และมังกรขาว และมีอย่างละ 4 ตัว ทั้งหมดเป็น 12 ตัว
- นอกจากนี้ยังมีชุดดอกไม้และชุดฤดูกาล อย่างละ 4 ตัว แต่ไม่เป็นที่นิยมสำหรับผู้เล่นบางกลุ่ม
- โต๊ะเล่นไพ่นกกระจอก โดยปกติจะเป็นโต๊ะมาตรฐาน จัตรัส 36 นิ้ว หรืออาจจะเป็นโต๊ะเรียบปกติก็ได้
การชนะเกมไพ่นกกระจอก การที่เราจะชนะเกมไพ่นกกระจอกง่ายๆเลยก็คือ ต้องมีไพ่ที่เหมือนกัน 2 ตัวอยู่ในมือ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือเล่นจนไพ่หมดแล้วผู้เล่นต้องการไพ่ตัวเดียวกัน แล้วฝ่ายเราเป็นฝ่ายที่ได้จั่วไพ่ก่อน ก็ทำให้ชนะได้เหมือนกัน
มือตายคืออะไร? หลายคนที่เริ่มเล่นไพ่นกกระจอกคงจะเคยได้ยินคำว่ามือตาย แต่ไม่รู้ความหมาย ซึ่งคำว่ามือตาย อธิบายได้ง่ายว่า ผู้เล่นไม่สามารถเรียงไพ่ในมือได้แล้ว เพราะไพ่ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่จัดเรียงได้ จึงต้องยอมแพ้และรอเล่นตาต่อไป